อะ ระ หัง อิ สวา สุ มะ อะ อุ
| ที่มา | สถาบันวิจัยพลังพระเครื่อง-ของขลังโยนกสยาม IYEAR |
|---|---|
| คอลัมน์ | บทความพระเครื่อง |
| ผู้เขียน/เรียบเรียง | ภูดิส เมธีธนธรรม |
| เผยแพร่ | อาทิตย์ ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๕ |
เรื่องรอยจารนั้น มีความสำคัญ
ช่วงนี้กำลังใหัความสนใจ คาถาสำคัญต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ได้สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต และได้พบภาษาขอมบนเหรียญหล่อโบราณ ซึ่งผู้เขียนได้ร้องขอ ให้อาจารย์ เกลียว(ผู้ชำนาญการ ด้านภาษาขอม และอักขระล้านนา) ถอดความเป็นภาษาไทยได้ความว่า
อะ ระ หัง
อิ สวา สุ
มะ อะ อุ
อะ ระ หัง แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งน่าจะหมายถึง พระพุทธเจ้า
อิ สวา สุ (อณุโลม) เปรียบดังหัวใจพระรัตนตรัย
อิ มาจาก บทพระพุทธคุณ ๕๖ คือ อิติปิโส....
สวา มาจาก บทพระธรรมคุณ ๓๘ คือ สวากขาโต....
สุ มาจาก บทพระสังฆคุณ ๑๔ คือ สุปะฎิปัณโน....
รวมกันคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์แห่งพระรัตนตรัย และรวมคุณแห่งเลข ก็จะได้ ๑๐๘ เท่ากับบทอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘
มะ อะ อุ
มะ เปรียบดังศีลอันเป็นบาทแรกแห่งการภาวนาทั้งปวง โดย มะ ย่อมาจาก มหาปุริสะ
อะ เปรียบดังสมาธิอันเป็นบาทที่สอง ของการภาวนา โดย อะ ย่อมาจาก อาโลโก
อุ เปรียบดังปณิธาน(ปัญญา) สูงสุด ในพระพุทธศาสนา นั้นคือ ปัญญา โดย อุ ย่อมาจาก อุตมปัญญา
ดังนั้น อักขระ มะ คือ ศีล อะ คือ สมาธิ อุ คือ ปัญญา จักใช้ด้วยกันประจำ ไม่เอามาใช้ในตัวใด ตัวหนึ่ง เพราะเมื่อมารวมกันจักมีคุณอนันต์
และขอนำบทสวดอิติปิโส พร้อมคำแปลมาแสดงอีกคำรบหนึ่ง
บทสวดอิติปิโส (พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ)
- อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน, สุขโต โลกะวิทู, อนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ ภะคะวาติ; เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นผู้ไกลจากกิเลส และตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความเจริญ เป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ดังนี้
- สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ; พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้
- สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐปุริสปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย, ปาหุเนยโย, ทักขิเนยโย, อัญชะลีกะระณีโย, อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ; พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่ บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้
[ อ่านบทความอื่นๆ: สารบัญ..บทความทั้งหมด ]

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น