พระกรุสกุลลำพูน (ทราวดี-หริภุญไชย)


ที่มา สถาบันวิจัยพลังพระเครื่อง-ของขลังโยนกสยาม IYEAR
คอลัมน์ บทความพระเครื่อง
ผู้เขียน/เรียบเรียง ภูดิส เมธีธนธรรม
เผยแพร่ วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2564

ประวัติความเป็นมา

จังหวัดลำพูน เดิมชื่อเมืองหริภุญไชย เป็นเมืองโบราณ เริ่มสร้างเมืองประมาณ พ.ศ. ๑๒๐๐ ตามพงศาวดารโยนกเล่าสืบต่อกันถึงการสร้างเมืองหริภุญไชย โดยฤาษีวาสุเทพ เป็นผู้เกณฑ์พวกเม็งคบุตร หรือ ชนเชื้อชาติมอญมาสร้างเมืองนี้ขึ้น ในพื้นที่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำกวง และแม่น้ำปิง เมื่อมาสร้างเสร็จได้ส่งทูตไปเชิญ ราชธิดากษัตริย์เมืองละโว้พระนาม “จามเทวี” มาเป็นปฐมกษัตริย์ปกครองเมืองหริภุญไชย สืบราชวงศ์กษัตริย์ ต่อมาหลายพระองค์ จนกระทั่งถึงสมัยพระยายีบาจึงได้เสียการปกครองให้แก่พ่อขุนเม็งรายมหาราช ผู้รวบรวม แว่นแคว้นทางเหนือเข้าเป็นอาณาจักรล้านนา เมืองลำพูน ถึงแม้ว่า จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนา แต่ก็ได้เป็นผู้ถ่ายทอดมรดกทางศิลปและวัฒนธรรมให้แก่ผู้ที่เข้ามาปกครอง ดังปรากฏหลักฐานทั่วไปในเวียงกุมกาม เชียงใหม่และเชียงราย เมืองลำพูนจึงยังคงความสำคัญในทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาณาจักรล้านนา จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมืองลำพูนจึงได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย มีผู้ครองนครสืบต่อกันมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เมื่อเจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้าย คือ พลตรีเจ้าจักรคำ ขจรศักดิ์ ถึงแก่พิราลัย เมืองลำพูนจึงเปลี่ยนเป็นจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครอง สืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

“ เมืองโบราณหริภุญไชย” อาณาจักรอันรุ่งเรืองและเก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือ แบ่งเป็น ๕ ยุค คือ

  • ยุคก่อนประวิติศาสตร์
  • ยุคประวัติศาสตร์แรกเริ่ม
  • ยุคล้านนา
  • ยุคต้นรัตนโกสินทร์
  • ยุคการปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน

ยุคก่อนประวัติศาสตร์” ประมาณ ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ปี แหล่งโบราณคดีบ้านวังไฮ เป็นชุมชนโบราณยุคแรก ที่ปรากฏหลักฐาน ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำกวง ในเขต ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูน กลุ่มชนที่นี่คือเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมที่อยู่อาศัยในดินแดนแถบนี้ก่อนที่จะรับวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ที่แผ่ขยายเข้ามาและผสมผสานกับวัฒนธรรมเดิม

ยุคประวัติศาสตร์แรกเริ่ม” พุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๙ อาณาจักรหริภุญไชย ก่อตั้งขึ้นโดยได้รับแบบอย่าง วัฒนธรรมทวารวดี จากลุ่มน้ำเจ้าพระยาในภาคกลางที่มีระเบียบแบบแผน ทั้งการปกครองศาสนา ศิลปวัฒนธรรม รุ่งเรืองในด้านการค้าเศรษฐกิจ มีกษัตริย์ปกครอง ที่ต้องทำนุบำรุงศาสนา และประชาชนศรัทธาพุทธศาสนาอย่างยิ่งมีปฐมกษัตรีย์ คือ พระนางจามเทวี

ยุคล้านนา” พุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๑ พญามังรายได้ย้าย ศูนย์กลางการปกครองไปเชียงใหม่และให้เมืองหริภุญไชยเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนา ทำให้พุทธศาสนาประดิษฐานอย่างมั่นคงและต่อเนื่องในดินแดนหริภุญไชย

ยุคต้นรัตนโกสินทร์” พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕ เป็นยุคเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง ในช่วงที่พม่าครอบครอง ดินแดนล้านนา เกิดสงครามขึ้นบ่อยครั้ง ชาวเมืองพากันหลบหนีเข้าป่า ปล่อยบ้านเมืองร้างพญากาวิละ เจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้แต่งตั้งน้องชาย คือ พระยาบุรีรัตน์ (คำฝั้น)มาครองเมืองลำพูนและได้อพยพผู้คนชาวยอง มาสร้างบ้าน แปงเมืองใหม่โดยตั้งถิ่นฐานที่อยู่แถบ ริมน้ำกวง น้ำปิง และน้ำทาชาวยองได้นำวัฒนธรรม ศิลปกรรม และงานช่างต่างๆ มาด้วย ยุคนี้บ้านเมืองสงบสุข ร่มเย็น

ยุคปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน” เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยยกเลิกการปกครองแบบ เจ้าผู้ครองนครมีการแต่งตั้งข้าหลวงประจำเมือง มาปกครองเมืองลำพูน รวมหัวเมืองที่อยู่ใกล้เคียงตั้งเป็นมณฑล มีข้าหลวงใหญ่ปกครองขึ้นตรงต่อสยามมีการสร้างทางรถไฟสายเหนือ

ข้อมูลจาก: สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลำพูน


พระเครื่องสกุลลำพูน(ทราวดี-หริภุญไชย)

พระรอด พระคง พระบาง พระเลี่ยง พระเปิม ฯลฯ ถ้าเอ่ยคำนี้หรือนามพระเครื่องเหล่านี้ ผู้ที่ชื่นชอบพระเครื่องจะต้องให้ความสนใจแน่นอน กล่าวคือพระเครื่องกรุ เมืองหริภุญไชยนั้น มีอายุมากกว่า ๑,๓๐๐ ปี เป็นที่ปรารถนาของผู้คนที่ชื่นชอบพระเครื่องจำนวนมาก 

ก่อนจะเข้าเรื่องจะขออนุญาตคัดลอกข้อมูลรายละเอียดในหนังสือ พงศวดารโยนก ของพระยาประชากิจกรจักร์ (แช่ม บุนนาค) หน้า ๑๘๕ ถึงหน้า ๑๘๖ ดังนี้

ขณะนั้นราชกุมารทั้งสองของพระนางจามเทวี มีวัยอันเจริญมาได้ ๑๘ พรรษา สมเด็จพระชนนีนาฏราชมารดาทรงพระราชดำริจะมอบเวนสรริราชสมบัติให้เจ้ามหันตยศเป็นกษัตริย์ สืบสนองพระองค์ดำรงนครหริภุญไชย และจะสถาปนาเจ้าอนันตยศไว้ในที่มหาอุปราช ทรงพระดำริฉะนี้แล้ว จึงตรัสใช้อำมาตย์ไปอาราธนาพระมหาฤาษีทั้งสอง คือ พระวาสุเทพ และพระสุกทันตฤาษีมายังนครหริภุญไชย แจ้งความประสงค์ของพระนางนั้นให้พระดาบสทั้งสองทราบ พระดาบสก็อนุโมทนาเห็นชอบเห็นชอบด้วย จึงให้ประกาศข่าวแก่ชาวพระนครให้ทราบกำหนดการพระราชพิธีราชาราชาภิเษก ให้ประดับประดาตกแต่งพระนครให้สะอาดงดงาม แล้วให้ตั้งพิธีสงฆ์พิธีพราหมณ์และอิสีศาสตร์ราชมงคลการราชาภิเษกเจ้ามหันตยศราชกุมาร และอภิเษกเจ้าอนันตยศราชกุมารพร้อมกัน พระมหาฤาษีทั้งสองก็โสรจสรงมงคลอุทกวารีภิสิกะอาศิรพาทแห่งเจ้ามหันตยศ และอนันตยศราชกุมาร แล้วก็ประสิทธิ์พรศรีสวัสดิ์ และให้โอวาทโดยอนุศาสน์สำหรับกษัตริย์ ให้ดำรงราชจริยานุวัตรโดยทศพิธราชธรรมประเพณี ครั้นเสร็จการทั้งปวงแล้ว พระฤาษีทั้งสองก็ถวายพระพรลากลับไปสู่ที่อยู่แห่งตน

แต่นั้นมาสมเด็จเจ้ามหันตยศราช ก็ปรากฎพระเกียรติยศอันใหญ่ยิ่ง ครงราชสมบัติในนครหริภุญไชยเฉลิม พระอภิไธยว่า พระเจ้ามหาราช ส่วนเจ้าอนันตยศอนุชาธิราชก็ทรงอิสริยศเป็น มหาอุราช 

ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าจามเทวีชนนีนาฏ ก็มีพระเกียรติยศในที่สมเด็จพันวัสสา ทรงบำเพ็ญแต่ในการพระราชกุศล สร้างอารามใหญ่น้อยหลายตำบล คือ สร้างอรัญญิกวิหาร ณ เบื้องปราจีนทิศ และทรงสร้างอาราม ณ ป่าไม้ยางทราย ชื่อว่ามาลุวาราม แล้วสร้างวิหารอีกแห่งหนึ่งในอิสานทิศ แล้วให้สร้างพัทธารามวิหารอีกแห่งหนึ่งในเบื้องอุดรทิศ แล้วสร้างลังการามและ มหาวนารามในเบื้องปัจจิมทิศ สร้างมหาสถารามไว้ในเบื้องทักษิณทิศ

ขอขอบคุณ: ภาพจาก Google Map นำมาประกอบเพื่อการศึกษา

ผู้เขียนขอแปลความหมายและแสดงตำแหน่งวัดโบราณสืบจนถึงปัจจุบันดังนี้; สัณฐานเมืองลำพูนมีรูปทรงเป็นรูปหอยสังฆ์ ไม่ได้เป็นรูปทรง สี่เหลี่ยมคล้ายเมืองเชียงใหม่จึงไม่มี ๔ มุมเมือง จากการสังเกตภาพถ่ายแผนที่ ได้แสดงแล้ว (ความเห็นผู้เขียน) พระนางจามเทวีให้สร้างวัดตามข้อมูลโบราณพงศวดารนี้ มีจำนวน ๗ แห่ง จึงยกข้อความความเดิมและแสดงตำแหน่งวัดตามแผนที่แล้ว วัดแต่ละแห่งเมื่อพิจารณาตามแผนที่แล้วก็พอจะอนุมานเห็นเค้าโครงเดิม และร่องรอยตามภูมิศาสตร์ (ความเห็นผู้เขียน "เหตุที่นำข้อความในพงศวดารโยนกมาประกอบการเขียนนั้น เพราะว่าข้อมูลที่รับทราบมาโดยตลอดนั้นอาจจะมีความคลาดเคลื่อนจากสาระความเดิม กล่าวคือมีการเน้นยํ้าถึงการสร้าง ๔ วัดสำคัญ ๔ มุมเมืองหริภุญไชย ทำให้แนวคิดถูกพันธนาการอยู่ในกรอบแค่ ๔ วัด อาจเป็นเหตุให้ความสำคัญของวัดโบราณบางวัดเช่น วัดจามเทวี วัดพระยืน วัดสันป่ายางหลวง ถูกลดความสถานะออกไปจากความสำคัญของประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ ในสภาพทางภูมิศาสตร์นั้นเป็นสร้างวัดสำคัญเป็นชัยยะมงคล เป็นเดช เป็นศรี เป็นอุตมแก่เมืองพระนางจามเทวีมหากษัตรีแห่งเมืองหริภุญไชยน่าจะปรึกษากับพระฤาษีซึ่งเป็นพระอาจารย์ สัตตบุรุษ เสนาอามาตย์ผู้ทรงภูมิดีแล้ว จึงสร้างวัดสำคัญไว้แต่ละทิศตามความเดิมในพงศวดารโยนก จึงนำมาเสนอให้ผู้รู้ผู้สนใจค้นคว้ากันต่อไป") อนึ่งวัดโบราณหลายวัดในดินแดนหริภุญไชยนั้นยังไม่ได้กล่าวถึงยังมีอีกมากมาย

  • ทิศตะวันออก: (มีจำนวน ๒ วัด) สร้างอรัญญิกวิหาร ณ เบื้องปราจีนทิศ และทรงสร้างอาราม ณ ป่าไม้ยางทราย ชื่อว่ามาลุวาราม น่าจะเป็นวัดดอนแก้วและวัดพระยืน ตามลำดับ
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ: (มีจำนวน ๑ วัด) สร้างวิหารอีกแห่งหนึ่งในอิสานทิศ-น่าเป็นเป็นวัดสันป่ายางหลวง
  • ทิศเหนือ: (มีจำนวน ๑ วัด) สร้างพัทธารามวิหารอีกแห่งหนึ่งในเบื้องอุดรทิศ น่าจะเป็นวัดพระคงฤษี
  • ทิศะวันตก: (มีจำนวน ๒ วัด) สร้างลังการามและ มหาวนารามในเบื้องปัจจิมทิศ น่าจะเป็นวัดจามเทวีและวัดมหาวัน
  • ทิศใต้: (มีจำนวน ๑ วัด) สร้างมหาสถารามไว้ในเบื้องทักษิณทิศ น่าจะเป็นวัดสังฆาราม(ประตูลี้)
ตรวจสอบลงพื้นที่จริง /หาข้อมูลเพิ่มเติม
  1. ทิศตะวันออกเมืองหริภุญไชย มีจำนวน ๒ วัดคือ สร้างอรัญญิกวิหารเบื้องปราจีนทิศ และทรงสร้างอาราม ณ ป่าไม้ยางทราย ชื่อว่ามาลุวาราม
    • วัดดอนแก้ว(อรัญญิกวิหาร): วัดดอนแก้ว หรือวัดอรัญญิการาม (วัดอรัญมิการาม) ที่ตั้ง ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง ยุคสมัยการสร้าง ยุคหริภุญไชย ความสำคัญ เป็นวัดหนึ่งที่ปรากฏเรื่องราวในตำนานที่กล่าวว่า พระนางจามเทวีได้โปรดให้สร้างขึ้นเป็นพุทธปราการ ปกป้องพระนครประจำทิศตะวันออก เชื่อกันว่าวัดนี้ก็คือวัด ดอนแก้ว ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดร้างและเป็นที่ตั้งของโรงเรียน เวียงยอง ในบริเวณวัดดอนแก้ว ได้พบโบราณศิลปวัตถุ สมัยหริภุญไชยจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูปหินทราย, ศิลาจารึกอักษรมอญโบราณ และพระพิมพ์ดินเผา (คัดลอกจาก-สำนักจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม)
    • วัดพระยืน(มาลุวาราม):  วัดพระยืนเป็นวัดประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่วัดหนึ่งในประเทศไทย เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองนครหริภุญไชยมีมาแต่สมัยพระนางจามเทวี เป็นปฐมกษัตริย์ครอบครองนครหริภุญไชยองค์ที่ ๑ ตั้งอยู่ ณ บ้านพระยืน หมู่ที่ 1 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ปรากฏตามประวัติศาสตร์และโบราณคดีดังนี้ ตำนานแห่งวัดพระยืนลำพูน นี้ไม่ปรากฏแน่ชัด แต่ด้วยความที่เป็นวัดเก่าแก่และโบราณที่ตั้งอยู่นอกเมืองไปในทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นวัดสำคัญหนึ่งในสี่ของวัดสี่มุมเมืองที่พระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัยนคร ทรงให้สร้างไว้ เมื่อปีพุทธศักราช ๑๒๐๔ พระวาสุเทพฤาษี ได้สร้างนครหริภุญไชย ขึ้นเมื่อสร้างนครหริภุญไชยได้ ๒ ปี คือ พ.ศ.๑๒๐๖ จึงได้อัญเชิญพระนางจามเทวีจากเมืองละโว้(ลพบุรี)มาเสวยราชสมบัติและเมื่อพระนางเจ้าจามเทวี ครองราชย์ได้ ๗ ปี เมื่อ พ.ศ.๑๒๑๓ จึงได้สร้างวัด ณ ทิศตะวันออก สร้างพระวิหาร พระพุทธรูป และเสนาสนะ ให้เป็นที่อยู่ของพระสังฆเถระ(คัดลอกข้อมูลจาก-สำนักงานวัฒนธรรม จ.ลำพูน)
  2. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเมืองหริภุญไชย จำนวน ๑ วัด สร้างวิหารอีกแห่งหนึ่งในอิสานทิศ
    • วัดสันป่ายางหลวง: โดยชาวบ้านที่พร้อมใจกันสร้างขึ้นเพื่อถวายไว้ในบวรพุทธศาสนา วัดสันป่ายางหลวงนับเป็นวัดแห่งแรกในพุทธศาสนาของแคว้นล้านนา หลังสร้างเสร็จจึงได้มีการอัญเชิญเอาพระอัฐิธาตุของพระอัครสาวกของพระพุทธองค์ คือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาบรรจุไว้ ณ ที่เจดีย์ของวัดสันป่ายางหลวง ต่อมาในยุคเสื่อมของพระพุทธศาสนา วัดสันป่ายางหลวงก็กลายเป็นวัดร้าง จนมาถึงสมัยของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ของเมืองลำพูน จึงได้มีการฟื้นฟูวัดสันป่ายางหลวงด้วยการสร้าง ถาวรวัตถุ และมีการกำหนดเขตธรณีสงฆ์ขึ้นใหม่ พร้อมกับประทานชื่อใหม่ว่า “วัดอาพัฒนารามป่าไม้ยางหลวง” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “วัดสันป่ายางหลวง” เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพที่ตั้ง เพราะในสมัยก่อนบริเวณดังกล่าวมีต้นยางขึ้นอย่างหนาทึบ
  3. ทิศเหนือเมืองหริภุญไชย จำนวน ๑ วัด แล้วให้สร้างพัทธารามวิหารอีกแห่งหนึ่งในเบื้องอุดรทิศ
    • วัดพระคงฤษี(พัทธารามวิหาร): วัดพระคงฤาษี  หรือวัดอนันทราม ตั้งอยู่ ต.ในเมือง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวีครองเมืองหริภุญชัย ในวัดนี้มี พระคง ซึ่งเป็นพระเครื่องที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่นับถืออีกองค์หนึ่งของเมืองลำพูน เป็น 4 วัด 4 มุมเมือง ที่มีการจุดพบพระเครื่องของเมืองลำพูน  เชื่อว่าพระเครื่องที่ขุดได้นี้เป็นเป็นพระคง ที่ วาสุเทพฤาษี และสุกกทันตฤาษี สร้างวัด จึงเรียกว่า วัดพระคงฤาษี แต่นั้นเป็นต้นมา วัดพระคงฤาษี เดิมชื่อ "วัดอาพัทธาราม" พระนางจามเทวีโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อ ถวายพระภิกษุที่มาจากลังกา ใช้เป็นที่พำนักและบำเพ็ญสมณะธรรมเป็นที่บรรจุ "พระคง" (คัดลอกจาก-เวบไซต์ จ.ลำพูน)
  4. ทิศตะวันตกเมืองหริภุญไชย จำนวน ๒ วัด / สร้างลังการามและ มหาวนารามในเบื้องปัจจิมทิศ
    • วัดมหาวัน (มหาวนาราม) เป็นพระอารามหลวงของพระนางจามเทวี เจดีย์วัดมหาวันเป็นที่บรรจุพระรอดลำพูน 1 ใน 5 พระเครื่องชุดเบญจภาคีที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด เชื่อกันว่า พระรอดมีความศักดิ์สิทธิ์หรือความขลังในด้านแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตรายและความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผลและคงกระพันชาตรี (คัดลอกจาก-เวบไซต์ จ.ลำพูน)
    • วัดจามเทวี (ลังการาม): จากการตรวจสอบข้อมูลมีสองแนวคิดคือวัดนี้สร้างโดยกษัตริย์พระองค์ใด โดยพระนางจามเทวีปฐมกษัตรีหรือพระราชโอรส และเจดีย์องค์ใดบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี โบราณสถานที่ตั้งอยู่ภายในวัดมี ๒ แห่งคือ
  5. ทิศใต้เมืองหริภุญไชย จำนวน ๑ วัด สร้างมหาสถารามไว้ในเบื้องทักษิณทิศ
    • วัดสังฆาราม(ประตูลี้)-(มหาสถารามแหล่งโบราณคดีวัดสังฆาราม (ประตูลี้) ตั้งอยู่ในเขตตำบลในเมือง อำเภอเมือง ฯ วัดสังฆาราม เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี กล่าวกันว่าเป็นวัดหนึ่งของวัดสี่มุมเมือง เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ พบพระพิมพ์ดินเผาสกุลช่างต่าง ๆ ภาชนะดินเผาแบบหริภุญชัย และกลุ่มโครงกระดูกคนเป็นจำนวนมาก พบหม้อที่บรรจุกระดูกคนแบบวัฒนธรรมหริภุญชัย เศษกระดูกคนเผาไฟ ลูกปัดแก้ว พระพิมพ์ดินเผา เชิงเทียน ภาชนะดินเผาประเภทเครื่องเคลือบสีขาวของจีน สมัยราชวงศ์ซุ่ง เครื่องประดับสำริด เครื่องมือเหล็ก กระเบื้องมุงหลังคา และมีเศษอิฐกระจายอยู่หนาแน่น (คัดลอกจาก: แหล่งศิลปกรรมที่ควรอนุรักษ์)
พระเครื่องสกุลหริภุญไชย
เมื่อทราบตำแหน่งวัดโบราณแล้วพอสังเขป ก็จะขอนำท่านผู้อ่านไปติดตาม พระเครื่องสกุลหริภุญชัย ลำพูน จากที่ได้พบเห็นและรับทราบกันทั่วไปแล้วว่า พระเครื่องสกุลหริภุญชัยนั้นเป็นพระเนื้อดินเผาซึ่งแยกเป็นหมวดหมู่ เท่าที่ผู้เขียนเคยเห็น
  • พระรอด
  • พระคง
  • พระบาง
  • พระเปิม
  • พระเหลี้ยม(พระเลี่ยง)
  • พระสาม
  • พระสิบสอง
  • พระลบ
  • พระลือหน้ามงคล
  • พระลือหน้ายักษ์
  • พระสิกขี
  • พระจามเทวีซุ้มเรือนแก้ว
ศิลปะทราวดี: 
เมืองหริภุญไชยนั้นอยู่ในยุคทราวดี พระนางจามเทวีมหากษัตรี เป็นชาวมอญซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชนชาติมอญโบราณสร้างสรรค์ศิลปทราวดี ใช้อักษรมอญปัลลวะ การศึกษาพระเครื่องโบราณที่มีอายุเป็นพันๆ ปีควรต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย / อาจารย์ ดร. เพ็ญสุภา สุขคตะ นักประวัติศาสตร์-โบราณคดี ปราชญ์เมธี ท่านเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในประเทศไทย...ที่ครํ่าหวอดและลงพื้นที่สำรวจโบราณสถานแบบมืออาชีพอธิบายความรู้ที่มีคุณค่า ด้านโบราณคดี โบราณสถานสู่สาธารณะ ผ่านสื่อออนไลน์เสมอๆ....ท่านได้ให้แนวคิดการพัฒนาการของศิลปะทราวดี..พัฒนาเป็นศิลปหริภุญไชยอย่างน่าสนใจ ขออนุญาตนำแนวคิดของ อาจารย์ ดร. เพ็ญสุภา ท่านกล่าวว่า "ในที่นี้ดิฉันอยากนำเสนอถึงพระพิมพ์รุ่นเก่ามากที่สุดในลำพูน ถือเป็นรุ่นแรกสุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากยังเป็นศิลปะแบบทวารวดีอย่างชัดเจน ยังไม่ได้คลี่คลายกลายเป็นศิลปะแบบหริภุญไชย" (คลิกดูรายละเอียด) และได้แสดงภาพพระ ๒ องค์นี้ ที่ค้นพบในวัดสันป่ายางหลวง

ประเด็นสำคัญที่ อาจารย์ ดร.เพ็ญสุภา ตั้งข้อสังเกตคือ พระเครื่องสกุลลำพูน ณ เริ่มแรกควรเป็นศิลปะทราวดีแท้ ถ้าสังเกตพิจารณาทางรูปและพิมพ์ทรงแล้วดูออกไปทางทราวดีแน่นอน จากลักษณะองค์ประกอบทางกายภาพ....แต่มีความแตกต่างไปจาก พระรอด พระคง พระบาง พระเปิมไปค่อนข้างมาก...(ข้อสังเกต-ผู้เขียน: เศียร พระศอ อุระ อุทร วงพาหา การประสานพระหัตถ์ ท่านั่งขัดสมาธิ หงายพระบาท จีวร-ต่างกับ พระรอด พระคง ฯลฯ มาก)ฤา? พระเครื่องที่นิยมกันในเมืองไทยหนึ่งในพระเบญจภาคีหลักคือพระรอด จะมีอายุไม่ถึงสมัยพระนางจามเทวี? มีหลายบริบท หลายปัจจัย ฯลฯ ที่ต้องคำนึงถึง กล่าวคือเมืองหริภุญไชยนั้น ตั้งแต่ปฐมกษัตริย์ พระนางจามเทวี(ประมาณ พ.ศ.๑๒๐๐) จนมาถึงกษัตริย์องค์สุดท้ายลำดับที่๔๙ คือพญายีบาเสียเอกราชให้แก่พญามังราย-ปฐมกษัตริย์เมืองเชียงใหม่(ประมาณ พ.ศ. ๑๘๒๔) เมืองหริภุญไชยรุ่งเรืองมายาวนานมากกว่า ๖๐๐ ปี ราชวงศ์จามเทวีมีการสืบสันติวงศ์ตั้งแต่ ประมาณ พ.ศ.๑๒๐๐ ถึง พ.ศ.๑๘๒๔ มีจำนวนกษัตริย์ ๔๙ รัชกาล-ระยะเวลายาวนานดังกล่าวอาจจะมีการสร้างพระเครื่องมาแล้วกี่ครั้ง?..ยิ่งถ้ากษัตริย์พระองค์ใดมีอำนาจบารมีโดดเด่นเช่น พระเจ้าอาทิตยราช รัชกาลที่๓๒(สร้างพระธาตุหริภุญไชย)...พระเครื่อง-ศิลปะสมัย, กาลเวลาตลอดจนวิวัฒนาการของอารยะธรรม ศิลปะวิทยาการ จึงเป็นองค์ประกอบความสำคัญยิ่ง
อีกนัยยะสำคัญ: พระเจ้าสัพพสิทธิ์ราช กษัตริย์ รัชกาลที่ ๓๔ / พระราชนัดดาของ พระเจ้าอาทิตยราช สมัยนั้น เกิดภัยธรรมชาติคือแผ่นดินไหวทำให้วัดวาอาราม โบราณสถานเสียหายมาก จะขอนำงานเขียนบางส่วนบางตอนและภาพพระรอดที่น่าศึกษา ของ ท่านพลายชุมพล ที่เขียนไว้ใน นสพ. ไทยรัฐออนไลน์ (คลิกอ่านฉบับเต็ม) มาแสดงเพื่อการศึกษาสำหรับผู้สนใจทั่วไปดังนี้

  • เรื่องอายุพระรอด รุ่นครูอย่าง “ตรียัมปวาย” บอกไว้นานเต็มที สร้างสมัยพระนางจามเทวี มาสร้างนครหริภุญไชย หรือเมืองลำพูน เมื่อราวๆ 1,200 ปีที่แล้ว
  • แต่ก็มีรุ่นครูอีกคน คุณอุทัย วิชัยสุทธิจิตร หรือลิ้ม กรุงไทย เขียนไว้ใน“อมตะพระกรุ” ของต้อย เมืองนนท์ ว่า ขอถอยหลังมาอีกสัก 300 ปี สมัย พระยาสรรพสิทธิ์ ครองหริภุญไชย (พ.ศ.1616-1661) จะได้หรือไม่ (พงศวดารโยนก: พระยาสรรพสิทธิ์ ครองหริภุญไชย (พ.ศ.๑๔๖๔-๑๖๔๐)-ผู้เขียน)
  • ลิ้ม กรุงไทย อ้างศิลาจารึก ตชุมมหาเถร ภาษามอญโบราณแห่งวัดเชตวัน (วัดดอนแก้ว) ว่า ท่านได้สร้างถาวรวัตถุต่างๆ รวมทั้งคัมภีร์ยอดพระไตรปิฎกไว้ในวัดมหาวัน
  • จารึกนี้ สมัยเดียวกับจารึกวัดกู่กุด และจารึกวัดเชตวัน รัชกาลพระยาสรรพสิทธิ์ กล่าวถึงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ศาสน-สถานถาวรวัตถุพังเสียหาย พระยาสรรพสิทธิ์ทรงซ่อมสร้างขึ้นใหม่
  • หลักฐานนี้ เมื่อโยงกับศิลปะพระรอด พระคง ฯลฯ ลิ้ม กรุงไทย บอกว่าตรงกับศิลปะมอญแห่งพุกาม สมัยพระเจ้าครรชิต และพระเจ้าสรปติสิทธู
เกร็ดความรู้พระกรุ: ท่านผู้สนใจพระกรุโบราณ ลองพิจารณาความเก่า องค์ประกอบศิลป์ ความงามความปราณีต คราบกรุ นวลดิน-เนื้อดิน ของพระเครื่องสมัยพุทธศิลป์ทราวดี ๒ องค์นี้แล้วเปรียบกับพระรอดที่นำเสนอโดยท่าน พลาย ชุมพล ถ้าเปรียบเทียบทุกมิติ เช่น พุทธศิลป์ เนื้อดิน องค์ประกอบ พิมพ์ทรง ฯลฯ ให้ได้ผลึกทางความคิด...จะเป็นประโยชน์ในการเปรียบเทียบพระกรุอื่นๆ ต่อไปครับ

วัดโบราณแดนหริภุญไชย: ในความเป็นจริงแล้วมีวัดเก่าๆ วัดโบราณ วัดร้าง ★★อยู่เป็นจำนวนมากหลายวัดในแดนหริภุญชัยแต่ละวัดมีพระกรุลำพูนอยู่ทั่วไป ตัวอย่างเช่น วัดกู่เหล็ก-คลิกอ่านรายละเอียด วัดรมณียาราม(กูระมัก) วัดดอยติและอีกหลายๆ วัดที่อาจจะไม่ได้ปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ หรืออยู่ในพงศวดารที่เกี่ยวข้อง

สำรวจพระรอดแท้: ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกๆท่าน ก็ได้รับทราบข้อสำคัญบางประการที่เกี่ยวข้องกับพระกรุสกุลลำพูนที่ได้นำเสนอแล้ว ขั้นตอนต่อไปแนะนำให้สำรวจพระรอดจากหลายสำนักดังๆ ระดับประเทศ(ทุกคนบอกว่าของตนเองเป็นพระแท้..ทุกสำนัก) ที่ได้นำมาเสนอทางช่องยูทูปหรือช่องทางโซเซียลอื่นของแต่ละสำนัก...พิจารณาด้วยความเป็นกลางแล้วถามตัวเองซํ้าๆ " ว่าท่านได้ความรู้จากแต่ละสำนักที่นำเสนอผ่านช่องยูทูปนั้น...เชื่อถือได้จริงๆ มั้ย สามารถนำมาเป็นต้นแบบเพื่อเป็นธงนำเพื่อหาพระแท้ได้หรือปล่าว? " ขอตั้งไว้เป็นข้อสังเกตไว้เป็นเบื้องต้น

สรุปความ: เรื่องการศึกษาพระกรุโบราณนั้น การเข้าใจวิวัฒนาการทางศิลป์เป็นสาระสำคัญ (เช่น การคลี่คลายจากศิลป์สมัยทราวดีกลายเป็นศิลป์สมัยหริภุญไชย-แนวคิด อาจารย์ ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ) อีกทั้งความเป็นธรรมชาติบนองค์พระ คราบกรุ นวลดิน เนื้อดิน คราบรัก ราดำ ศิลป์สมัย ฯลฯ มีความสำคัญสัมพัทธ์กับอายุพระเครื่องนั้นๆ ถ้าใครมัวแต่ชี้ตำหนิจุดตายพระเครื่องโดยไม่คำนึงถึงธรรมชาติวิทยา อาจชี้นำไปในทางที่ขาดความรอบครอบตามสำนวนฝรั่ง(MisLeading)ครับ (ดังเช่น วาทกรรม...สร้างวัด ๔ วัด ๔ มุมเมือง ที่ได้กล่าวมาแล้ว


การปลุกเสกพระเครื่องสมัยหริภุญชัย:
  • ความเดิมแล้วให้ตั้งพิธีสงฆ์พิธีพราหมณ์และอิสีศาสตร์ราชมงคลการราชาภิเษกเจ้ามหันตยศราชกุมาร และอภิเษกเจ้าอนันตยศราชกุมารพร้อมกัน พระมหาฤาษีทั้งสองก็โสรจสรงมงคลอุทกวารีภิสิกะอาศิรพาทแห่งเจ้ามหันตยศ และอนันตยศราชกุมาร แล้วก็ประสิทธิ์พรศรีสวัสดิ์ และให้โอวาทโดยอนุศาสน์สำหรับกษัตริย์ ให้ดำรงราชจริยานุวัตรโดยทศพิธราชธรรมประเพณี / 
  • ถอดความโดยผู้เขียน: การปลุกเสกสมัยนั้นน่าจะใช้การปลุกเสกหมู่ พิธีพระภิกษุอริยะสงฆ์ ทั้งปลุกเสกพิธีพราห์ม และเสกโดยฤาษีด้วย คงเป็นพิธีสำคัญพิธิใหญ่ น่าจะทำพระเครื่องเพื่อสืบทอดพุทธศาสนาและใช้ฤทธิ์เดช ศรี มงคลเพื่อความมั่นคงสถาพรสำหรับพระนครหริภุญไชยอีกทั้งความอยูดี กินดีสำหรับอาณาประชาราษฎร์ด้วย

ยังมีต่อ.....


[ อ่านบทความอื่นๆ: สารบัญ..บทความทั้งหมด ]

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

index สารบัญ

คำนำ

25 พฤษภาคม พ.ศ. 2498.. หลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตร ..แสดงเนื้อทองคำให้เห็น