กลองอินทเภรี สมัยรัชกาลที่๓
| ที่มา | สถาบันวิจัยพลังพระเครื่อง-ของขลังโยนกสยาม IYEAR |
|---|---|
| คอลัมน์ | บทความพระเครื่อง |
| ผู้เรียบเรียง | ภูดิส เมธีธนธรรม |
| เผยแพร่ | วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2564 |
กลองอินทเภรี ของพระราชวังบวรสถานมงคล สำหรับตีให้สัญญาณในกองทัพ มีจำนวน 3 ใบขนาดลดหลั่นกัน ที่หน้ากลองแต่ละใบเขียนยันต์ลายทอง ลายรูปสัตว์ ลายเส้นยันต์ลงอักขระ รูปอักษรขอม ภาษาบาลี จารึกบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ คำขอชัยชนะจากพระปักเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเทพเจ้า ตลอดจนพระคาถาและหัวใจพระคาถาต่างๆ สันนิษฐานว่าทำขึ้นในคราวสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ เสด็จไปราชการทัพในรัชกาลที่ 3
[เครดิต: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและข้อมูลเพิ่มเติม]
เพื่อการศึกษา: ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ IYEAR ขออนุญาตนำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ ความเก่าโบราณวัตถุ อักขระโบราณ คาถา สกุลเชิงช่าง และเทคโนโลยีการสร้าง ฯลฯ
- ประวัติศาสตร์: คติความเชื่อภาคกลาง อินท ร คือ พระอินทร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเทวดา เภรี แปลว่า กลอง รวมเรียกว่า”กลองของพระอินทร์” เสียงเวลาแห่งสรวงสวรรค์ ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หนึ่งในอารยะที่ยิ่งใหญ่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ถือเป็นประเพณี ตีย่ำบอกโมงยามมาเป็นสัญญาณในความศักดิ์สิทธิ์สุดยอดของวัดนี้อีกสิ่งหนึ่ง[เครดิต: กล้าณรงค์ ภักดิ์ประไพ/ศึกษาเพิ่มเติม] คติความเชื่อภาคเหนือล้านนา “ก๋องปู่จาหรือกลองบูชา” ประวัติ และที่มาไม่มีความชัดเจนว่าเกิดขึ้นในสมัยใด รู้แต่เพียงว่าเป็นกลองโบราณชนิดหนึ่ง ซึ่งได้มีการพัฒนารูปร่าง และลักษณะการตีของกลองมาอย่างต่อเนื่อง โดยจากกลองใบใหญ่ใบเดียวที่ใช้ตีเป็นเครื่องส่งสัญญาณในการโจมตีศัตรูของกองทัพในเวลาสงคราม ตีส่งสัญญาณบอกข่าวแก่ชุมชน ใช้เป็นเครื่องดนตรีมหรสพ เป็นเครื่องประโคมฉลองชัยชนะ และความสนุกสนาน ฯลฯ วิธีตีหรือจังหวะการตีเรียกว่า “สะบัดชัย” กลองชนิดนี้จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “กลองสะบัดชัย” เมื่อไม่มีการรบทัพจับศึก ก็ได้พัฒนาทั้งรูปร่างลักษณะ จังหวะการตี และได้นำมาอยู่กับฝ่ายศาสนจักร ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาเรียกว่า “กลองบูชา” ก๋องปู่จาหรือกลองปู่จา ต่อมาได้พัฒนาเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง คือ การตีเพื่อให้เกิดความบันเทิงความสนุกสนาน ตามงานบันเทิงต่าง ๆ สามารถพบเห็นได้ในขบวนแห่หรืองานแสดงศิลปะพื้นบ้านโดยทั่วไป กลองบูชาใช้ตีได้หลายโอกาส ทั้งในพิธีกรรมทางศาสนา และงานต่างของชาวบ้าน [เครดิต: เชียงใหม่นิวส์/ศึกษาเพิ่มเติม]
- ความเก่าโบราณวัตถุ: ความเก่าของกลองนี้ ประมาณสมัยรัชกาลที่๓ การสังเกต รัก ชาด ทอง สีสัน น่าจะช่วยนำทางให้อนุมานพระเครื่องเก่าแก่ร่วมสมัยได้
- อักขระโบราณ: การใช้อักษรขอมในการเขียนพระคาถาต่างๆ ถือว่าเป็นข้อสำคัญประการหนึ่งสมัยนั้น ดูจากลายมือผู้สร้างมีความละเอียดสวยงาม
- คาถา: จารึกบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ คำขอชัยชนะจากพระปักเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเทพเจ้า ตลอดจนพระคาถาและหัวใจพระคาถาต่างๆ(จะดำเนินการถอดความเป็นภาษาไทยต่อไป)
- สกุลเชิงช่าง: รัตนโกสินทร์
- เทคโนโลยีการสร้าง: สร้างจากไม้ หุ้มด้วยหนังสัตว์ สองด้าน ตอกตรึงด้วยหมุดโลหะ ลงรัก ชาดแดง ปิดทองเขียนอักระขอม เป็นคาถาต่างๆ
[ อ่านบทความอื่นๆ: สารบัญ..บทความทั้งหมด ]






ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น