พระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ มีจริงมั้ย?
| ที่มา | สถาบันวิจัยพลังพระเครื่อง-ของขลังโยนกสยาม IYEAR |
|---|---|
| คอลัมน์ | บทความพระเครื่อง |
| ผู้เขียน | ภูดิส เมธีธนธรรม |
| เผยแพร่ | วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2564 |
สมเด็จกรุวัดกัลยาฯ มีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย.....ในทรรศนะของผู้กว้างขวางในวงการพระเครื่องหลายท่านให้ความเห็นโดยสรุปว่าเป็นพระปลอมเลียนแบบ...แต่ก็ยังมีผู้ชื่นชอบพระเครื่องเยอะจำนวนให้ความเห็นว่าเป็นพระแท้และน่าจะเป็นพระที่สมเด็จพุฒจารย์โต พรหมรังสี เป็นผู้สร้าง เมื่อความเห็นมีสองฝ่ายดั่งนี้
- ผู้เขียนในฐานะผู้เห็นด้วยเชื่อว่าเป็นพระแท้ ดีนอก-งามในควรจะอภิปรายขยายความเรื่องพระสมเด็จวัดกัลยาฯ นี้ต่อผู้สนใจตามหัวข้อต่างๆ ดังนี้
- ด้านประวัติศาสตร์และบุคคลที่เกี่ยวข้อง : วัดกัลยาฯ ตั้งอยู่ฝั่งธนบุรีไม่ไกลจากวัดระฆังโฆษิตาราม ซึ่งวัดกัลยาฯ สร้างโดยคหบดีใหญ่บุคคลสำคัญในยุคนั้นคือ เจ้าพระยานิกรณ์บดินทร์(เจ้าสัวโต-ต้นตระกูลกัลยาณมิตร) เจ้าสัวเป็นพระสหายคนสนิทที่ร่วมกับล้นเกล้า ร.๓ ค้าขายกับประเทศจีนโดยแต่งสำเภา มีเรือสำเภาหลายสิบลำ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของ ร.๓ ยิ่งนัก เมื่อการเริ่มการสร้างวัดกัลยาฯ ร.๓ เป็นผู้ตั้งชื่อวัดด้วย ครั้นเปลี่ยนแผ่นดินมาสมัย ล้นเกล้า ร.๔ เจ้าสัวโตก็ยังดำรงตำแหน่งสำคัญได้เลื่อนเป็น สมุหนายกฯ
- ท่านเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ร่วมกันอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ขณะที่ยังทรงผนวชอยู่ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ต่อมาพระองค์ท่านทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสุพรรณบัตรให้เป็นเจ้าพระยานิกรบดินทร์มหินธรมหากัลยาณมิตร ที่สมุหนายก (ที่มา:https://www.facebook.com/PoomjaiGarden/posts/592945174533026/)[คลิกดูข้อมูล]
- ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าสัวโตกับสมเด็จพุฒาจารย์โตฯ จะขออนุญาตอ้างถึงหนังสือ.พระสมเด็จฯ ประวัติการสร้าง วิธีการดูพระสมเด็จฯ และทุกเรื่องที่นักนิยมพระสมเด็จฯ ต้องรู้ (จากตำนานที่มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา-สอน โลหะนันทน์)....ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องของท่านทั้งสองคือเจ้าสัวโตน่าจะเป็นโยมอุปฐากสำคัญมากของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี จากการบันทึกต่อไปนี้จาก ภาพในโบสถ์วัดอินทรวิหาร(วัดบางขุนพรหม)
- หน้า๗๕ - พารากราฟที่สอง ในประวัติสมเด็จเจ้าโต ท่านให้ช่างเขียนๆ วัดระฆัง เขียนรูปบ้านพระยาโหรา รูปเสมียนตราด้วง รูปสมเด็จสังฆราช(นาค) รูปพระเทพกวี(โต) รูปวัดอินทรวิหาร รูปวัดกัลยาณมิตร รูปเด็กแบกคำภีร์ ในงานฉลองวัดทั้ง๒ และรูปป่าพระพุทธบาท รูปป่าพระฉาย รูปพระอาจารย์เสม รูปพระอาจารย์รุกขมูล รูปเมืองเขมร รูปจ้าวเขมร ตั้งแต่ฉากที่๑ ถึงฉากที่๑๓-๑๔
- หน้า๗๕ - เมื่อท่านพระยานิกรบดินทร์สร้างวัดกัลยณมิตรแล้วก็มีการฉลอง สมเด็จสังฆราช(นาค) พระเทพกระวี(โต) ก็ได้ไปฉัน คราวพระยานิกรบดินทร์สร้างโบสถ์วัดเกตุไชโย พระเทพกระวี(โต) ก็ได้ไปเป็นแม่งานฉลองโบสถ์ มีการมหรสพใหญ่โตตามภาษาชาวบ้านนอกอำเภอไชโยนั้น มีพระสงฆ์ผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้ขึ้นไปช่วยงานฉลองโบสถ์วัดเกตุไชโยนั้นมากท่านด้วยกัน
- หน้า๑๐๖ - และพระพิมพ์ที่วัดบางขุนพรหมในนั้น เสมียนตราด้วง ขอเอาพิมพ์ของท่านไปพิมพ์ปูนแลผงของเสมียนตราด้วง ทำตามวุฒิของเสมียนตราด้วงเอง ชาวบ้านบางขุนพรมปฏิบัติอุปัฏฐาก บางทีก็ขึ้นพระบาท หายเข้าไปเมืองลับแลไม่กลับ คนลือว่าสมเด็จถึงมรณภาพแล้วก็มี ทางราชการเอาโกศขึ้นไป ท่านก็ออกมาจากเมืองลับแล พนักงานคุมโกศต้องเอาโกศเปล่ากลับหลายคราว.....ครั้นท่านกลับลงมาแล้ว ก็รีบพิมพ์พระไป ท่านพระยานิกรบดินทร(โต) ได้ถวายทองคำเปลวมา ท่านก็ปิดพระได้สัก ๔๐,๐๐๐ กว่า ทองนั้นก็หมด พระพิมพ์ ๘ หมื่น ๔ พัน คราวนี้ เดิมตั้งใจจะถวายสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงปิดทอง แต่จะได้ถวายหรือไม่ได้ถวายไม่ได้ความปรากฎ พระธรรมถาวรยังเป็นพระครูปลัดก็ไม่รู้ ผู้เรียบเรียงจะซักถามให้ได้ความจริงก็เกรงใจ เพราะเกณให้ท่านเล่าเรื่องอื่นๆ มามากแล้ว (อาจจะเป็นพระสมเด็จหมวดนี้-ไม่มีใครรู้จริงๆ เพราะข้อมูลจบเท่านี้)
- หน้า๑๑๖ - ที่มาของตำนานที่แต่งโดย "บันทึกประวัติของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์(โต) ฉบับของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา-สอน โลหะนันทน์ ซึ่งเป็นฉบับที่รวบรวมโดย ม.ล.พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา โดยมีนายพร้อม สดุดีพงศ์เป็นผู้ช่วยในการไปคัดลอภาพวาดจากผนังโบสถ์วัดอินทรวิหาร หลังจากได้ไปสอบถามข้อมูลจากเจ้าคุณธรรมถาวร รวบรวมขึ้นปี พ.ศ. ๒๔๗๓
- หลักฐานเชิงประจักษ์ ภาพประวัติสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี บนผนังโบสถ์ วัดอินทรวิหาร มีเยอะหลายภาพ แต่โฟกัสที่ มุมด้านใต้หลังพระประธาน มีภาพวัด มีพระปรางค์ มีตอนหนึ่งมีอักษรเขียนบอกว่า อาจารย์เสม กำลังลงท่านํ้า มีคนนั่งอยู่ข้างล่าง ๓ คน อีกตอนหนึ่งมีพระภิกษุรูปหนึ่ง ข้างหลังเขียนไว้ว่า เจ้าขรัวแทน กำลังลงเล่นนํ้า อีกทางหนึ่งมีภิกษุรูปหนึ่ง กับคฤหัสถ์อีกหลายคน ด้านหลังพระประธานภาพลบหมด เพราะมีปูนใหม่ฉาบไว้ มีรายนามบุคคลต่างๆ ๔๑ ชื่อด้วยกันดังนี้
- ๑) พระยานิกรบดินทร์ ๒) พระยาชัยนาท ๓) พระยารักษาคลัง ๔) พระโหราดวง ๕) พระวิเชียร ๖) พระรามณรงค์ ๗) พระเกษม ๘) พระธรรมปรีชา ๙) หลวงสุนทร ๑๐) เจ้าขรัวหนึ่ง ๑๑) เจ้าขรัวชินวร ๑๒) เจ้าขรัวแทน ๑๓) เจ้าขรัวขวัญ ๑๔) เจ้าคุณบุญนาค ๑๕) เจ้าคุณดวง ๑๖) คุณป่า ๑๗) ปลัดนุด ๑๘) ท่านทอง ๑๙) แม่เพียน ๒๐) เสมียนบุญมา ๒๑) นายมาลัย ๒๒) ยายโหง ๒๓) ยายหง่วน ๒๔) นายผล ๒๕) แม่งุด ๒๖) เด็กชายบุญเรือน ๒๗) ท่านอาจารย์ (สมเด็จพระสังฆราชศุข-ปริ.) ๒๘) พระอาจารย์แก้ว (พระอรัญญิก-ปริ) ๒๙) อาจารย์สม ๓๐) อาจารย์สุก (สังฆราชไก่เถื่อน-ปริ.) ๓๑) เจ้าคุณวัดครุฑ ๓๒) เจ้าคุณวัดตะไกร ๓๓) พระครูใย ๓๔) สมเด็จสังฆราชมี ๓๕) สมเด็จพระสังฆราชนาค ๓๖) สมเด็จสังราช ด่อน ๓๗) พระวันรัต ๓๘) พระพุฒ ๓๙) เจ้าคุณเทพกวี (เจ้าพระคุณสมเด็จฯ-ปริ.) ๔๐) เสมียนตราด้วง ๔๑) เจ้าขรัวบางลำภู (พระบวรวิริยเถระ-ปริ.) นามบุคคลเหล่านี้ก็คือที่คุ้นเคยอัธยาศัยกับเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ตลอดจนพระอุปัชฌาย์และครูบาอาจารย์ของท่านด้วย ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์อยู่ในชีวประวัติของท่านและนามผู้มีส่วนร่วมในการปฏิสังขรณ์วัดอินทรวิหารในครั้งนั้นด้วย ซึ่งส่วนมากจะมีภาพเรื่องปรากฎอยู่แล้วตอนต้นๆ ตามลำดับ รายนามที่ปรากฎนี้เท่ากับเป็นการสรุปอีกครั้งหนึ่ง เป้นประการสุดท้ายนั่นเอง [ขออนุญาตเพื่อการศึกษา..ขอขอบคุณ..ข้อมูลจาก พระสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ เล่มแรกของประเทศไทย : หน้า๑๐๙ ]
- ความเห็นผู้เขียน นี่เป็นจิ๊กซอสำคัญอีกประการหนึ่งที่เป็นประจักษ์ว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯ มีความคุ้นเคยและมีความนับถือเป็นอย่างยิ่งกับเจ้าพระยานิกรบดินทร์(เจ้าสัวโต) ถึงได้ขึ้นชื่อเป็นลำดับที่๑
- ตอนต่อไป เป็นเรื่องของ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) ต้นตระกูล "กัลยาณมิตร" ผู้สร้างวัดกัลยาฯ ธนบุรี และเป็นบิดาของเจ้าพระยารัตนบดินทร์ (รอด กัลยาณมิตร) ท่านผู้นี้มีอายุร่วมอยู่ในยุคของเจ้าพระคุณฯ คงจะเคารพนับถือเจ้าพระคุณมากและมีส่วนร่วมในการปฏิสังขรณ์วัดอินทร์ฯ ในสมัยนั้นด้วยเเป็นแน่(ความเห็นท่าน ปรมาจารย์ ตรี ยัมปวาย) [ขออนุญาตเพื่อการศึกษา..ขอขอบคุณ..ข้อมูลจาก พระสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ เล่มแรกของประเทศไทย : หน้า๑๐๗ ]
- การแตกกรุและจำนวน ระหว่างปี ๒๕๔๖-๒๕๕๘ มีโบราณสถานภายในวัดกัลยาณมิตรถูกรื้อถอน ๒๒ รายการ บูรณะโดยไม่ได้ขออนุญาตอีก ๕ รายการ ซึ่งทำให้เกิดคดีความขึ้น (พระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯน่าจะหลุดออกมาช่วงนี้) พ.ศ. ๒๕๕๖ ผู้เขียนไปเยี่ยม อ.เกลียวที่ตลาดทิพเนตร เชียงใหม่ และแขวนพระสมเด็จวัดกัลยาองค์เดียวออกนอกเสื้อ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชือแจ๊ค มีอาชีพรับเลี่ยมพระอยู่ในตลาด เมื่อพระสมเด็จวัดกัลยาในคอผู้เขียนก็ทักขึ้นว่า พี่องค์นี้สมเด็จวัดกัลยาใช่มั้ย ผู้เขียนก็ถามว่ารู้จักหรือ? แจ๊คตอบว่า ไม่รู้จักได้ไง สมัยผมเป็นทหารเกณฑ์ เห็นมากับตา กองเยอะไปหมด ผมและเพื่อนทหารต้องไปช่วยขนซากปรักหักพังช่วยวัด ขณะนั้น
- วันนี้ (18 มี.ค.2558) นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร (ศก.) เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีการรื้อถอนทำลายดัดแปลงแก้ไขโบราณสถานกุฏิ คณะ 1 วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กล่าวว่า การแจ้งความดำเนินคดีอาญา เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ถือว่าเป็นคดีล่าสุด ซึ่งก่อนหน้านี้ ศก. ได้ดำเนินคดีทั้งหมด 15 คดี ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน โดยสรุปอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง 10 คดี คงเหลือ 5 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวนของ สน.บุปผาราม ซึ่งตลอดระยะเวลา 12 ปี มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ได้รับความเสียหายรื้อทำลายไปแล้วจำนวน 22 รายการ อาทิ หอระฆัง อาคารเสวิกุล ศาลาทรงปั้นหยา หอกลอง หอสวดมนต์กัลยาณาลัย ศาลาปากสระ กุฏิเก่าคณะ 7 จำนวน 3 หลัง รื้อราวระเบียงหิน พื้นหิน ตุ๊กตาหินอับเฉา กุฏิสงฆ์คณะ 4 และการถมสระน้ำภายในกุฏิสงฆ์คณะ 4 และถมสระน้ำภายในกุฏิสงฆ์คณะ 2 นอกจากการรื้อถอนทำลายโบราณสถาน ยังมีการก่อสร้างอาคารในเขตโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้วโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ศก. ด้วย(ที่มา: https://mgronline.com)
- ชมกรณีความขัดแย้งวัดกัลยาฯกับชาวบ้านกับกรมศิลปากร [ชมคลิป]
- ผู้เปิดเผยและยืนยันว่าเป็นพระแท้ ขออนุญาตเอ่ยนาม พลเรือเอกนาวี ศานติกะนาวิน ด้วยความที่ท่านเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงแห่งกองทัพเรือด้วยเกียรติภูมิของท่าน เจตนาของท่านคือเสนอความจริงต่อสาธารณ ท่านเป็นผู้เสียสละ แสดงความกล้าไม่กลัวการปรามาสจากผู้ไม่หวังดี ยอมเสียสละแม้การนำไปตรวจอายุโดยคาร์บอน14 ผู้เขียนเคยเห็นเอกสารชิ้นนี้ แต่ไม่ขอนำมาแสดง ณ ที่นี้ เกรงจะเป็นประเด็น [ชมคลิป ท่านนาวี] [สมเด็จวัดกัลยา ep1] [สมเด็จวัดกัลยา ep2] [สมเด็จวัดกัลยา ep3] [สมเด็จวัดกัลยา ep4]
- ตรวจเช็คทางกายภาพ พิมพ์ทรง
- กายภาพ พิมพ์ทรง วัดสุมวลสาร: พระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ นี้มีความสมบูรณ์ด้านพิมพ์ทรงและจำนวนเพื่อจะทำการศึกษาต่อยอดมาก มีพิมพ์มากหลายหมวด น่าจะมากกว่าที่กำหนดพิมพ์พระสมเด็จกันในสังคมพระเครื่องปัจจุบันนี้ กายภาพมีความเก่าและอาจจะเก่ากว่าสมเด็จวัดระฆังด้วยถ้าสังเกตจากตาเปล่า มวลสารหลักเป็นปูนเปลือกหอย โทนสีขาว มีผงวิเศษทั้ง ๕ ประการ คือผงปัทมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงพุทธคุณ สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเป็นหย่อมๆ โดยผงนี้น่าจะใช้ดินสอพอหรือดินมาลปั้นเป็นแท่งดินสอเขียนบนกระดานชนวนแล้วลบเก็บรวบรวมไว้ เวลาสร้างทำตำโขลกพระสมเด็จก็จะใช้ผงวิเศษทั้ง ๕ ประการโรยผสม (ที่เป็นน่าสังเกตคือจะปรากฎเป็นเม็ดสีค่อนข้างแตกต่าง ไม่เป็นเนื้อเดียวกันเพราะเป็นวัสดุต่างกัน ระหว่างดินสอพองและปูนเปลือกหอย-ความเห็นผู้เขียน) มีเม็ดแดงออกส้มประปราย มีหินเม็ดขาว-เทาฯลฯ
- องค์ประกอบบนองค์พระที่ควรกล่าวถึง
- แคลไซต์: บนพื้นผิวองค์พระที่สัมผัสกับอากาศ-ความชื้นฯลฯ มายาวนานเกิดการพัฒนาทางพื้นผิว มีแคลไซต์เกิดเป็นหลายชั้น ซึ่งจะแตกต่างกับบริเวณที่ติดกันด้วยยางรงทองที่ไม่ได้สัมผัสอากาศ-ความชื้นผิวจะเรียบ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพระกรุวัดกัลยาฯ
- ลงรักปิดทอง: การลงรักปิดทองเป็นข้อสังเกตสำคัณอีกประการหนึ่งในการสร้างพระสมเด็จซึ่งสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จบางขุนพรหมฯลฯ ก็มีการลงรักปิดทอง ที่เป็นคติการสร้างพระสมัยนั้นเป็นกระบวนการหนึ่งน่าจะเป็นข้อสังเกตสำคัญถึงความร่วมสมัยกันสกุลเชิงช่าง โทนสีของรัก-ทองที่ปรากฎบนพระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ ..เท่าทีผู้เขียนพบจะมีทั้งรักดำและรักแดง ความเข้มของสีจะซีดจาง..น่าจะบ่งบอกได้ถึงกาลเวลาอันยาวนาน..พื้นผิวบนทองคำเปลวปิดองค์พระเต็มไปด้วยคราบฝุ่นติดแน่น
- ยางรงทอง: ข้อสำคัญที่พึงต้องให้ความสนใจคือพระสมเด็จกรุวัดกัลยฯ ติดกันเป็นแพ ลักษณะแบน มีจำนวนองคพระ ๕, ๙, ๑๐๘ ผู้คนทั่วไปคงจะคิดว่าเป็นกาวลาเท็กซ์ ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ตรงคือ ทำการนึ่งพระสมเด็จที่ติดกันเป็นแพเก้าองค์ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง เพื่อจะแยกองค์พระออกจากกัน ระหว่างเฝ้าสังเกตการณ์นั้นได้กลิ่นหอมอบอวลและมีสีออกเหลืองเป็นที่น่าแปลกใจ ก็เกิดความสงสัยว่าคืออะไร ก็ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าเป็นยางรงทอง ซึ่งยางต้นรงทองใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณทั้งการเขียนสมุดข่อย งานเกี่ยวกับลงรักปิดทองฯลฯ มีเอกสาร และงานวิจัยหลายฉบับกล่าวถึงรงทอง
- พระกรุนี้เก่าจริงมั้ย? พิสูจน์....ด้วยตัวเอง?
- ถ้าหากท่าผู้อ่านมีพระสมเด็จวัดกัลยาอยู่ในมือ....ผู้เขียนแนะนำเอาพระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ ไปเทียบกับพื้นผิวปูนปั้นเจดีย์เก่า ถาวรวัตถุเก่าที่มีอายุเกิน๑๕๐ปีและใช้ปูนปั้นเปรียบเทียบพื้นผิวที่เปิดโดนอากาศของพระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ เพื่อจะอนุมานอายุความเก่าจากการสังเกตด้วยตาเปล่า เพราะธรรมชาติของผิวปูนที่ผ่านะระยะเวลามายาวนานย่อมมีการเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวปูนปั้นเจดีย์เก่า ถาวรวัตถุเก่าและทางพื้นผิวของพระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ...ท่านคงได้คำตอบเป็นนัยยะ(คำแนะนำผู้เขียน)
- ตรวจเช็คด้านพลังงาน
- ประสบการณ์ของผู้ใช้ พระสมเด็จวัดกัลยาฯ
- ผู้เขียน ประมาณปี พ.ศ.๒๕๕๙-๖๐ ผู้เขียนอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับพระสมเด็จวัดกัลยานี้ จึงตัดสินใจเดินทางจากเชียงใหม่ไปกราบพระที่วัดกัลยา กทม. ได้เห็นกับตามีซากปรักหักพังนอกกำแพงด้านหลังวัดเต็มพื้นที่ จากนั้นก็เข้าไปกราบหลวงพ่อโต และกราบคารวะเคารพเจดีย์เจ้าสัวโตด้วย ก่อนกลับได้ซื้อสลากรัฐบาล ๒ ใบ ปรากฎว่า ถูกรางวัลเลขหน้า ๓ ตัว หนึ่งใบ..อาจจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ หรือ บังเอิญก็ได้
- พระสมเด็จวัดกัลยาฯ&คุณสมัชชา : เหตุเกิดเมื่อประมาณ พ.ค. ๒๕๖๔ ( คลิกชม )
- พระคุณเจ้า อย่างน้อย ๒ รูป ที่จังหวัดจันทรบุรี ได้เล่าประสบการณ์ที่รับรู้จากศิษย์หลายคนได้รับประสบการณ์ที่ดีๆ จากพระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ นี้ (จะนำมาขยายความรายละเอียดต่อไปถ้าได้รับอนุญาต)
- สรุปความเห็น: ผู้เขียนเชื่อว่า พระสมเด็จ กรุวัดกัลยาฯ เป็นพระแท้ และอาจจะทันสมเด็จเจ้าพระคุณพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ค่อนข้างแน่โดยประเมินจาก
- ประวัติศาสตร์ บุคคลที่เกี่ยวข้องคือเจ้าสัวโต-เจ้าพระยานิกรบดินทร์-เจ้าพระคุณสมเด็จฯมีความใกล้ชิดและเคารพนับถือซึ่งกันและกันยิ่ง..การสร้างพระสมเด็จหรือพระพิมพ์จำนวนมากเพื่อสืบทอดศาสนาเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่..เจ้าสัวเป็นสัตบุรุษผู้รอบรู้...คงต้องทราบถึงความสำคัญข้อนี้เป็นแน่ กอรปกับพื้นฐานจิตเดิมเป็นผู้ใฝ่อุปการะพระพุทธศาสนา ท่านมีความพร้อมด้านปัจจัยเงินทุนสูง ทางกายภาพถ้าเรามองแบบเป็นกลางเมื่อหยิบพระสมเด็จกรุวัดกัลยาฯ มาส่องกล้องจะพบความเก่าตามธรรมชาติที่มีอายุการสร้างมานาน พิมพ์ทรง มีหลากหลายพิมพ์มาก (ทางพลังงาน พระสมเด็จกรุวัดกัลยฯมีความเป็นเอกอุครอบจักรวาลไม่ต่างจากสมเด็จวัดบางขุนพรหมหรือสมเด็จวัดระฆังฯลฯ เลย-โปรดใช้วิจารณญาณ) ผู้เขียนขอแนะนำให้มองเปิดกว้าง ใช้เจตจำนงเสรีในการพิจารณา องค์พระคือประจักษ์หลักฐานพยานสำคัญ แท้-ไม่แท้ น่าจะประเมินได้จากองค์พระ...
- ข้อสังเกต: การที่บุคคลใดจะบอกว่าพระองค์ใด กรุใดเป็นพระแท้ หรือพระปลอม เขาควรอภิปรายความแท้หรือความไม่แท้แบบอารยะ..มีที่อ้างอิง..ให้เหตุผลจากการพิจารณาหลายด้าน.มิใช่ฟันธงทันทีเพียงแค่เห็นองค์พระแล้วบอกว่า...เป็นของเทียมเลียนแบบ..ก็เป็นการบ่งบอกถึงความรอบคอบในการสรุป...อาจจะเป็นการทำลายพระแท้ แบบดีนอก-งามใน..ด้วยวาทกรรมแบบขาดความรับผิดชอบ..
คำนำเดิมของ บางส่วนบางตอน ณ พ.ศ. ๒๔๗๓ ของ ม.ล.พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา โดยมีนายพร้อม สดุดีพงศ์เป็นผู้ช่วยในการไปคัดลอภาพวาดจากผนังโบสถ์วัดอินทรวิหาร หลังจากได้ไปสอบถามข้อมูลจากเจ้าคุณธรรมถาวร จากนั้นพระมหาสว่างก็ "ตั้งหน้าตรวจตราเสาะสืบหาและไต่ถาม ได้เนื้อความนำจดลงค้นราชพงศวดาร รัชกาลประวัติบั่นทอนให้รัดกุม ไม่เดาสุ่มมีเหตุพอความไม่ต้องวิจารณ์ เป็นพยานอ้างตัวเองไปตามเพลงของเรื่องราวที่สืบสาวเรียงเขียนลงเอาที่ตรงต่อประโยชน์ ไม่อุโฆษป่าวร้องใคร ไม่หมิ่นไท้ธรเณนทร์ โดยความเห็นจึงกล้าเล่าให้ฟังดังนี้"
ความเห็นผู้เขียน: งานเขียนที่ ม.ล. พระมหาสว่าง ได้ค้นคว้าเรียบเรียงนี้ เป้นงานเขียนที่น่าสนใจ เพราะจดบันทึกเรียบเรียงตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๓ ซึ่งเขียน ๒๒ปี ก่อน หนังสือพระสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ เล่มแรกของประเทศไทยของท่านตรี ยัมปวาย(๒๔๙๕) ณ ห้วงเวลานั้น ม.ล.พระมหาสว่าง ท่านคงเรียบเรียงงานเขียนชิ้นนี้ด้วยความอุตสาหะยิ่ง ท่านได้แสดงวิธีการสืบเสาะข้อมูลไว้ในข้อมูลคำนำเดิม มีลักษณะคล้ายกับการหาความรู้สมัยใหม่ ซึ่งเป็นความเที่ยงประการหนึ่ง
...จบตอนเท่านี้....
[ อ่านบทความอื่นๆ: สารบัญ..บทความทั้งหมด ]
