การตรวจพลังพุทธคุณพระเครื่อง




ที่มา สถาบันวิจัยพลังพระเครื่อง-ของขลังโยนกสยาม IYEAR
คอลัมน์ บทความพระเครื่อง
ผู้เขียน ภูดิส เมธีธนธรรม
เผยแพร่ วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2564

พลังพุทธคุณ คือพลังจิตที่ครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้าได้เสกหรือปลุกเสกเดี่ยวเพียงลำพัง ปลุกเสกหมู่โดยใช้พระสงฆ์หลายรูปนั่งปรกปลุกเสก วัตถุมงคลพระเครื่องพระบูชาในพิธีซึ่งอาจจะจัดขึ้นตามวัตถุประสงค์ของวัด ถ้าเอ่ยถึงวลี พลังพุทธคุณ พลังพระเครื่อง เมื่อใดท่ามกลางผู้คนที่ชื่นชอบ สะสมพระเครื่อง ทุกคนก็จะเข้าใจโดยจิตสัญญาเดิมและประสบการณ์ความรู้โดยทันทีโดยไม่ต้องอธิบายมาก พลังดังกล่าวไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ เป็นพลังจิต ซึ่งเกี่ยวข้องกับฝึกจิตสมาธิโดยมีนัยยะสำคัญน่าจะสัมพันธ์กับ มหาภูตรูป๔[เครดิต: พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ โดย รองศาสตราจารย์แสง จันทร์งาม] คือ รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธานของรูปทั้งหลาย มี ๔ ได้แก่ ธาตุน้ำ (อาโปธาตุ) ธาตุดิน (ปฐวีธาตุ) ธาตุไฟ (เตโชธาตุ) ธาตุลม (วาโยธาตุ) พลังพุทธคุณนี้ได้ถูกบรรจุโดยการปลุกเสก-อธิษฐานจิตด้วยกระแสพลังจิตขั้นสูงโดยครูบาอาจารย์ ฤาษีผู้ถือสันโดษผู้มีกฤษดาฤทธาคม พระอริยสงฆ์เจ้าฯผู้ฝึกจิต สมาธิขั้นสูง สุปฏิปันโน ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้ว ย่อมมีความสามารถปลุกเสก-อธิษฐานจิตประจุพลังงานได้ลงสถิตย์ไว้ในพระเครื่องพระพิมพ์ เครื่องราง ฯลฯ...

  • ถ้าจะกล่าวโดยกำปั้นทุบดินดังคำพังเพยที่ว่า " มีควัน ย่อมมีไฟ " พระแท้ที่ได้รับการปลุกเสกดีแล้ว ย่อมมีพลังงานพุทธคุณ แต่เราผู้ใช้พระเครื่องจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเครื่องที่เราใช้ประจำตัวนั้นมีพลังพุทธคุณ ที่เราคาดหวังให้แสดงอภินิหารย์ในยามคับขัน เช่น
    • พลังงานพุทธคุณ ด้านแคล้วคลาดปลอดภัย คุ้มครองชีวิต ในกรณี เกิดการชุลมุน สับสนอลหม่าน มีการใช้อาวุธ หรือมีอุบัติเหตุที่เราไม่ได้ก่อ แต่เผอิญเราดันไปนั่งบนรถโดยสารคันที่คนขับหลับใน จองตั๋วเครื่องบินที่จะต้องร่วมเดินทางกับผู้ก่อการร้าย ฯลฯ พระที่ใช้ได้ดี หลวงปู่ทวด เป็นต้น
    • พลังงานพลังพุทธคุณด้านปัดคุณไสย์ ปัดเสนียด จัญไร ปัดสิ่งไม่ดี ไม่เป็นมงคล ย่อมต้องการในยามเกิดลมพัด ลมเพ โดยไม่คาดคิดต้อง เดินผ่าน ขับรถผ่านสถานที่มีพลังงานไม่ดีหรือที่เฮี้ยน หรือมีผู้ไม่ประสงค์ดี เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตชาติ หรือชาตินี้ ได้กระทำยํ่ายีโดยใช้อวิชาคุณไสย์ ทำของโดยเจตนาเพื่อเจตนาร้ายเรา โดยที่เราไม่อาจรับรู้ได้ ในขณะที่ดวงชะตาธาตุขันธ์-จิตเราอ่อน ฯลฯ ที่ใช้ได้ดี คือพระไพรีพินาศ เป็นต้น
    • พลังงานพลังพุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพัน ชาตรี อุดทวาร ย่อมเป็นที่ปรารถนา ของเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ต้องเสี่ยงอันตรายในหลายรูปแบบ เช่นผู้ทำงานต้องเสี่ยงกับอาวุธ ปืนผาหน้าไม้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องปะทะ จู่โจม ต่อสู้ ฯลฯ ถ้าจะให้เห็นภาพ ก็คือ การศึกสงครามในอดีตนิยมแจกพระให้แก่ทหารกล้าเพื่อพกติดตัวในการสงคราม ยกตัวอย่าง เช่น พระนางพญา หนึ่งในพระเบญจะภาคี พระอินโดจีน ที่โด่งดังสมัยสงครามโลก เป็นต้น
  • ถ้าในยามปรกติ ช่วยให้การดำเนินชีวิตให้พัฒนาขึ้น ยกระดับฐานะทั้งทางเศรษฐกิจ และอาชีพการงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม กว่าที่เคยเป็นอยู่
    • พลังงานพลังพุทธคุณครบทุกด้านดั่งครอบจักรวาล ทำให้ชีวิตดีขึ้น ยกระดับขึ้น เป็นที่รักของผู้พบเห็น ได้รับความเมตาเอ็นดูจากผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา ได้รับตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ได้รับโชคลาภวาสนา โชคลาภโภคทรัพย์ ก็คงจะต้องกล่าวถึงพระผงสี่เหลี่ยมชิ้นฟักตระกูลพระสมเด็จวัดระฆัง-สมเด็จโต พรหมรังสี เจ้าสัวหลวงปู่บุญ-วัดกลางบางแก้ว พระหลวงพ่อเงิน-วัดบางคลาน ฯลฯ
  • มีพระเครื่องอีกหลายหลาก ชนิดมาก ที่เป็นพระดีแท้ ดีนอก-งามใน ทั้งพระเครื่องสมัยเก่า และพระสร้างใหม่สมัยปัจจุบัน ไม่สามารถกล่าวในที่นี้ได้หมด

การตรวจพลังพระเครื่องหรือพลังพุทธคุณ (แนวทางของผู้เขียน)

จับองค์พระไว้กลางฝ่ามือรวบรวมจิตให้เป็นสมาธิขั้นต้น พร้อมกับเดินจักระทั้งเจ็ด สัมผัสองค์พระโดยจิต ส่งกำลังจากท้องขึ้นมาสู่จักระ๗กลางฝ่ามือที่สัมผัสองค์พระ พร้อมกับจักระ๗กลางกระหม่อม เชื่อมต่อจักรวาล(Cosmos) และส่งกำลังลงสู่พื้นดินคือโลก(Earth) เมื่อพลังทั้ง องค์พระ(ถ้ามีพลังพุทธคุณ) และพลังจากผู้ตรวจสัมผัสกัน ทำให้เกิดการดันมือไปทิศทางต่างๆ แต่ละจักระ โดยมีนัยยะสำคัญ เมื่อมือเคลื่อนไปจักระใดก็คือการพลังความหมายของพุทธคุณ แต่ในบางครั้งต้องใช้กระแสจิตถามว่าพลังงานแบบโภคทรัพย์เป็นอย่างไรมือก็จะเคลื่อนไปจักระจุดนั้นเป็นต้น ซึ่งการแสดงดังกล่าวอาจจะต่างกันในแต่ละคนเพราะจริตจิตอาจแตกต่างกัน การตรวจพลังพระเครื่องหรือพลังพุทธคุณมีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่จะกล่าวถึงคือวิธีแบบใช้พลังจิตสมาธิขั้นต้น-การเดินจักระ-การเดินธาตุ ซึ่งจะอธิบายตามแต่ละหัวข้อ ซึ่งผู้สนใจควรจะเข้าใจหลักการและวิธีการปฏิบัติ 3 หัวข้อนี้ได้ดีระดับหนึ่ง

  • วิชาสมาธิ ในเมืองไทยเรานี้มี สองสายหลักคือ วิปัสสนาสมาธิ และสมถสมาธิ
    • วิปัสสนาสมาธิ เป็นการปฏิบัติสมาธิ การเจริญวิปัสสนา ( หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า " วิปัสสนากรรมฐาน") คือความมุ่งมั่นที่จะเฝ้าดูกายและใจของเราเพื่อเข้าใจสภาวะอันแท้จริงของกายและใจ ซึ่งก็คือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และความไม่มีตัวตน ( อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา) ผลจากการฝึกวิปัสสนา เราจะเริ่มปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง [เครดิต/ดูรายละเอียด]
    • สมถสมาธิ สมถกรรมฐาน คือกรรมฐานเป็นอุบายสงบใจ ได้แก่การปฏิบัติธรรมด้วยการบริกรรม เป็นการบำเพ็ญเพียรทางจิตโดยใช้สมาธิเป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับการใช้ปัญญาและ มุ่งให้จิตสงบ ระงับจากนิวรณ์ซึ่งเป็นตัวขัดขวางจิตไม่ให้บรรลุความดีเป็นสำคัญ [ เครดิต/ดูรายละเอียด ]
  • วิชาจักระ จักระ เป็นภาษาสันสกฤต หมายถึง กงล้อ จักระคือ ศูนย์รวมพลังงานภายในร่างกายของมนุษย์ หรือ พลังแฝงที่มีอยู่ในทุก ๆ สิ่ง เป็นศูนย์พลังงานอันละเอียดอ่อน (กายละเอียด) ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น จักระ ชี่ ลมปราณ เป็นต้น ในอินเดียนั้น พวกโยคีเชื่อว่า จักระที่สำคัญของมนุษย์ มีอยู่ด้วยกัน 7 ตำแหน่ง ในแต่ละตำแหน่งมีจุดกำเนิดที่แตกต่างกัน และดูแลควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายของคนเราให้ทำงานเป็นปรกติ และการหมุนวนของจักระ เกิดจากลมหายใจเข้าออก ที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายตลอดเวลา จักระจะหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับระบบการทำงานของอวัยวะที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
  • การเปิดจักระ; ขณะที่ผู้เขียนทำคลิปนี้ทรงคาถาตามขั้นตอนอยู่นั้น มีความรู้สึกว่าจักระทั้ง ๗ จุดหมุนเวียนดีมาก อาจเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยเปิดและเดินจักระให้คล่องขึ้น...ผู้อยากรู้ลองฝึกตามน่ะครับ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ควรใช้วิจารณญาณ)


  • วิชาเดินธาตุ ถือว่าสำคัญในการตรวจพลังพระเครื่องหรือพลังพุทธคุณ พลังดังกล่าวไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ เป็นพลังจิต ซึ่งเกี่ยวข้องกับฝึกจิตสมาธิโดยมีนัยยะสำคัญน่าจะสัมพันธ์กับ มหาภูตรูป๔[เครดิต: พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ โดย รองศาสตราจารย์แสง จันทร์งาม] คือ รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธานของรูปทั้งหลาย มี ๔ ได้แก่ ธาตุน้ำ (อาโปธาตุ) ธาตุดิน (ปฐวีธาตุ) ธาตุไฟ (เตโชธาตุ) ธาตุลม (วาโยธาตุ) ถ้าสามารถเดินธาตุได้ชํ่าชอง ก็อาจจะสามารถตรวจเช็คพลังพุทธคุณได้ ถ้าสนใจลองฝึกตามคลิปนี้...ผู้เขียนใช้หลายวิชาผสมผสานกัน 
  • กรณีศึกษา; ตรวจพลังพระเครื่องพร้อมแปลความหมาย-ท่าทางด้านพลังงานพุทธคุณ


    • กรณีศึกษา; การตรวจพลังงานพุทธคุณ...ไม่น่าจะลบหลู่ครูบาอาจารย์

สรุปความ; การตรวจพลังพุทธคุณเป็นศาสตร์ที่สำคัญประการหนึ่ง..ที่ไม่ควรถูกลืมหรือมองข้าม สำหรับคนที่ชอบสะสมพระเครื่อง เพราะการที่เรารู้หรือทราบว่าพระเครื่องที่เราใช้บูชาสวมคอหรือพกติดตัวเป็นประจำนั้น มีพลังงานหรือพลังพุทธคุณ..ย่อมมีความมั่นใจ อุ่นใจระดับหนึ่ง ยิ่งยุคสมัยนี้ที่มีการแลกเปลี่ยนพระเครื่องกับทรัพย์สินมีค่าอื่น โดยมีผลประโยชน์หรือจำนวนเงินมูลค่าสูงในพาณิชย์-ธุรกิจพระเครื่องในสยามประเทศนี้ เมื่อจ่ายตังค์หรือทรัพย์สินอื่นแล้ว ก็ควรจะได้รับพระแท้ๆ ...ขอให้ทุกท่านได้ครอบครอง พระแท้ ดังปรารถนา...อนึ่ง..พึงสังวรณ์ก่อนว่าท่านจะเลือกพระเครื่องเพื่อคู่กาย...จากแหล่งใด...ด้วยวัตถุประสงค์หรือแรงจูงใจแบบใด...ก็พึงใช้เหตุผลประกอบให้รอบคอบ..แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มตั้งหลักหรือมีหลักคิดแบบใด..ลองพิจารณาหลักการต่อไปนี้...อาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ระดับหนึ่ง
  • มีพิมพ์ทรง-มวลสาร-ส่วนผสม-ถูกต้อง, มีธรรมชาติพัฒนาการทางพื้นผิว และกระบวนการผลิตสัมพัทธ์ตามประวัติฯ อายุ พ.ศ.ที่สร้าง ณ ห้วงเวลานั้น (ปัจจุบันเครื่องมือทางวิทยาศสาตร์ตรวจสอบได้)
    • พระแท้หรือไม่แท้ อยู่ที่องค์พระ ต้องไม่ย้อนแย้งกับความจริงแท้...ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนตามกฎธรรมชาติ-วิทยาศาสตร์-ประวัติศาสตร์
  • มีพลังพุทธคุณถูกต้องตามปก คือผู้ปลุกเสก ตามรุ่น ถูกวัด ถูก...กรุ...
    • ครูบาอาจารย์ พระอริยะเจ้า มีจิต เจตสิก แตกต่างกัน ขณะนั่งปรกหรือปลุกเสกพระเครื่องใช้ สมาธิ วิชาคาถาอาคม การกำหนดธาตุ ตั้งธาตุ หนุนธาตุ อาจจะต่างกัน ฯลฯ
  • พระแท้ ดีนอก-งามใน ควรค่าสวมใส่บูชาประจำตัวเพื่อความเป็นมงคลทุกกาล...พระแท้(เน้น-พระโบราณ-ไม่มีใครเกิดทัน) ต้องสามารถตอบคำถามในแง่วิทยาศาสตร์-ประวัติศาสตร์ได้โดยปริยาย ไม่ว่าพระองค์นั้นจะอยู่ในความครอบครองของบุคคลใดๆ(การรับรองความแท้ของพระเครื่องของบุคคลใดๆด้วยคำพูดแต่ขัดแย้ง-ย้อนแย้งหลักธรรมชาติ-วิทยาศาสตร์...เป็นข้อสำคัญ....น่าตรวจสอบ น่าสังเกต และน่ากังขายิ่ง)
ภูดิส เมธีธนธรรม


[ อ่านบทความอื่นๆ: สารบัญ..บทความทั้งหมด ]

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

index สารบัญ

คำนำ

25 พฤษภาคม พ.ศ. 2498.. หลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตร ..แสดงเนื้อทองคำให้เห็น