ครูบาอาจารย์...มีวิธีการทางจิต สมาธิที่จะปลุกเสกพระเครื่อง เช่นไร?

ครูบาอาจารย์...มีวิธีการทางจิต สมาธิที่จะปลุกเสกพระเครื่อง เช่นไร?

วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕

ด้วยผู้เขียนศึกษาเรื่องพลังพุทธคุณในพระเครื่องมาเป็นเวลานานพอควร แม้จะพอเข้าใจเล็กน้อยว่าการปลุกเสกนั้นเกี่ยวข้องกับจิตสมาธิของครูบาอาจารย์ผู้มีฌาน-ญาณ-สมาบัตรขั้นสูง

• ฌาณ(การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก...คลิกดู)
• ญาณ(ความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษ...คลิกดู)
• สมาบัติ(ภาวะที่จิตสงบประณีตพึงเข้าถึง, การบรรลุคุณวิเศษชั้นสูงด้วยอำนาจของการเข้าสมาธิ, มีหลายอย่าง."ฌานสมาบัติ ผลสมาบัติ"...คลิกดู)

ซึ่งน่าจะมีรายละเอียดและกระบวนการทางจิตมาก เกิดความสนใจอยากจะรู้และมีความเข้าใจทางด้านการปลุกเสกพระเครื่องว่า พระอริยะเจ้ามีวิธีการและกระบวนการสำหรับการปลุกเสกพระเครื่องอย่างไร ใช้คาถาใดบ้าง เดินจิตสมาธิอย่างไร จึงจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลที่ครูบาอาจารย์ได้บันทึกไว้ก่อนแล้ว ดังต่อไปนี้

ข้อมูลในพระไตรปิฎก

ปัญหา พระพุทธเจ้าทรงเหาะเหินเดินอากาศได้จริงหรือไม่ ถ้าจริงทรงกระทำได้โดยวิธีใด ?

• พุทธดำรัสตอบ “ ดูก่อนอานนท์ เราทราบอยู่ว่าเรา เข้าสู่พรหมโลกด้วยกายที่สำเร็จแต่ใจ ด้วยอำนาจฤทธิ์ได้.... เรารู้อยู่ว่า เราเข้าสู่พรหมโลกด้วยกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้ เพราะอาศัยฤทธิ์ได้...
• “ ดูก่อนอานนท์ สมัยในตถาคตตั้งกายไว้ในจิตหรือรวมจิตตั้งไว้ที่กาย ก้าวลงสู่ความเห็นว่าสุขและความเห็นว่าเบาในกาย สมัยนั้นกายของตถาคตย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่าปกติ ควรแก่การงานกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ เปรียบเหมือนก้อนเหล็กเผาไฟอยู่ตลอดวัน ย่อมเบากว่าปกติ อ่อนกว่าปกติ และผุดผ่องกว่าปกติ...
• “ ดูก่อนอานนท์ สมัยใดตถาคตตั้งกายลงไว้ในจิตหรือรวมจิตตั้งลงในกาย....สมัยนั้น กายของตถาคตย่อมออกจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลยตถาคตนั้นย่อมแสดงฤทธิ์ ได้หลายอย่าง....เปรียบเหมือนปุยนุ่นหรือปุยฝ้ายซึ่งเป็นเชื้อธาตุที่เบา ย่อมลอยจากแผ่นดินขึ้นสู่อากาศได้โดยไม่ยากเลย....” อโยคุฬสูตร มหา. สํ. (๒๑๐๘-๒๑๑๓ ) ตบ. ๑๙ : ๓๖๓-๓๖๕ ตท. ๑๙ : ๓๓๕-๓๓๖ ตอ. K.S. ๕ : ๒๕๒-๒๕๓ |ที่มา..คลิก|
• เอก อัคคี (facebook.com/Akeakkee Ake)ได้บันทึกใน นสพ.คม ชัด ลึกว่า....หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้กล่าวไว้ว่า "พอใครขนเอาเครื่องรางไปวางเสร็จ หลวงปู่แหวนก็ตั้งท่าสงบใจสงเคราะห์ อาตมา(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)ก็จับดู จิตของหลวงปู่แหวน ดูอารมณ์จิตของท่านว่าจะทำยังไง ครั้นแล้ว ก็เห็นอารมณ์จิตของหลวงปู่แหวนผ่องใสเป็นดาวประกายพฤกษ์เต็มดวง ลอยอยู่ในอกท่าน เวลานั้นกำลังจิตของหลวงปู่แหวน ก็คิดว่า ขออาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ให้มาโปรดช่วยทำของเหล่านี้ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญมงคล ของบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้เข้าถึงพระธรรม โดยความจริง หลวงปู่แหวนไม่คิดว่าเสกให้เอาไปตีกับชาวบ้าน เอาไปปล้นชาวบ้าน ท่านเสกให้คนเข้าถึงธรรม ท่านนึกในใจต่อไป หลวงปู่แหวนก็อาราธนาบารมีของพระอรหันต์ทั้งหมด บารมีของพรหม ของเทวดาทั้งหมด ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ พอถึงพระอรหันต์ อาตมาก็เห็นหลวงปู่ตื้อ ปรี๊ดมาถึงข้างหลัง เอากำปั้นลงหลังอาตมาปั๊บเข้าให้ แล้วถามว่า เฮ้ย... มึงมานั่งอยู่ทำไมวะ อาตมาก็เลยบอกไปว่านี่ ... พระผี ไม่ต้องพูด หลวงปู่แหวนเชิญพระผีนะ ไม่ได้เชิญพระมีเนื้อหนังมังสา มีหน้าที่อะไรก็ทำไป แล้วก็ได้เห็นกระแสจิตหลวงปู่แหวน เป็นประกายพฤกษ์พุ่งออกมาจากอก สว่างเจิดจ้า ใหญ่เหลือเกิน คลุมเครื่องรางของขลังทั้งหมด แสงสว่างประกายพฤกษ์ของจิตพระอรหันตเจ้า แทรกลงไปในเครื่องรางของขลัง อยู่ผิวด้านหน้ายันข้างล่างสุด เรียกว่าคลุมหมดอาบลงไปหมดเลย โพลงสว่างสุกปลั่งไปหมด คล้ายตกอยู่ในเบ้าหลอม เป็นกระแสสว่างของจิตที่เยือกเย็น เต็มไปด้วยอำนาจพุทธบารมี เห็นแล้วรู้สึกเยือกเย็นสบายอย่างประหลาด บอกไม่ถูก" ที่มา..อ่านฉบับรายละเอียด | คลิก |
  
• ท่านปรมาจารย์ ตรียัมปวาย กล่าวว่า "อนึ่ง เนื่องจาก สมเด็จพระศรีศักยพระพุทธเจ้าของเรานั้น ทรงพระชนม์ชีพน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ดังนั้น ในตอนที่พระองค์ใกล้จะทรงดับขันธปรินิพพาน ขณะทรงเจริญฌานสมาบัติโดยอนุโลมทุกระดับชั้นฌาณนั้น ได้ทรงถอยพระพุทธจิตลงสู่อุปจารสมาธิ แล้วทรงพุทธาธิษฐานให้พระพุทธศาสนา อันมีพระธรรมและพระสงฆ์ อีกทั้งพระบรมสาริกธาตุ พระพุทธเจดีย์ พระศรีมหาโพธิ์ สถิตสถาพรอยู่ตลอดพุทธกาล อันนี้คือคุณาพุทธานุภาพซึ่งยังเวี่ยล้อมอยู่ในทุกๆ ปรมาณูของบรรยากาศแห่งบ้านเมืองของเรา อันมีฉายาว่า "เมืองพระ" อย่างอิ่มเอิบ และพระศักรพุทธปฏิมา ก็คือพระพุทธเจดีย์ส่วนหนึ่ง ซึ่งได้รับพุทธานุภาพแห่งพุทธาธิษฐานฤทธิ์นี้ด้วยอย่างมั่นคง" ที่มา : หนังสือพระสมเด็จฯ หน้า๒๗ พารากราฟที่๓ ฉบับพิมพ์ครั้งที่๗ พ.ศ.๒๕๔๖
• หลวงปูสูนย์ จันทวัณโณ เมื่อวันที่ ๘ธันวาคม ๒๕๖๓ ผู้เขียนได้มีโอกาสมงคลสนทนาธรรมและตรวจพลังพระเครื่องรุ่นเจ้าสัวแสนล้านต่อหน้าหลวงปู่ จากนั้นเรียนสอบถามหลวงปู่เกี่ยวกับการปลุกเสกพระเครื่องรุ่นนี้
• ภูดิสถามว่า "หลวงปู่ใช้ธาตุอะไรในการปลุกเสก ทำไมพลังด้านทรัพย์สูง(โภคทรัพย์สูงเด่น)" 
• หลวงปู่ฯ ตอบ "พลังไฟเย็น ดินเย็น" | ชมคลิป |
•  อ.ยุทธ โตอดิเทพ บันทึกใน นสพ.คม ชัด ลึกว่า....เสกในโบสถ์-เสกในกุฏิ ปัจจุบันประเพณีการปลุกเสกในโบสถ์คงทำเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนทั้งหลายว่าของนี้ได้มีการสร้างจริง มีจำนวนแบบนี้ๆ และคงถือกันว่าโบสถ์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่สุดในวัดเป็น เขตบริสุทธิ์ที่ได้พระราชทานวิสุงคามสีมา ถือเป็นเขตของพุทธจักรไม่ใช่อาณาจักร ยกถวายพระพุทธเจ้าแล้ว รวมถึงจะได้อาราธนาบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานในโบสถ์ มาอำนวยพรให้วัตถุมงคลที่ปลุกเสก ท่านปลุกเสกได้เต็มที่ ซึ่งส่วนมากจะเป็นช่วงการไหว้พระเวลากลางคืนหรือช่วงเช้ามืด บางเกจิอาจารย์ก็ปลุกเสกในเวลาดึกสงัด การปลุกเสกแบบนี้ย่อมเพ่งสมาธิได้นานตามที่ต้องการ เพราะทั้งเป็นเวลาที่สะดวกและไม่มีใครรบกวน อีกทั้งในห้องที่กุฏิต้องมีรูปสักการะ ตำรับตำราของครูบาอาจารย์ที่ได้ประสิทธิประสาทวิชาต่างๆ ให้ ถือได้ว่าเป็นการปลุกเสกต่อหน้าครูบาอาจารย์น่าจะเป็นการปลุกเสกที่ดีเช่น เดียวกัน ทั้งระยะเวลาในการนั่งปลุกเสกและสถานที่ | อ่านฉบับเต็ม..คลิก |
• ความเห็นผู้เขียน จากประสบการณ์ตรงในการตรวจพลังหวายลูกนิมิตร จากหลายวัด ซึ่งมีพลังพุทธคุณสูงมากและน่าจะใช้เป็นเครื่องรางหรือใช้แทนพระเครื่องได้เป็นอย่างดี ผู้เขียนเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในเขตโบสถ์ ปราศจากข้อสงสัยใดๆ ด้วยในโบสถ์แต่ละหลังนั้นประกอบด้วย 
• พัทธสีมาลูกประธานตัวแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่กลางโบสถ์ 
• พัทธสีมาลูกที่๒ พระอรหันต์พระอัญญาโกญทัญญะ ทิศตะวันออก 
• พัทธสีมาลูกที่๓ พระอรหันต์ พระมหากัสปะ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
• พัทธสีมาลูกที่๔ พระอรหันต์ พระสารีบุตร ทิศใต้
• พัทธสีมาลูกที่๕ พระอรหันต์ พระอุบาลี ทิศตะวันตกเฉียงใต้
• พัทธสีมาลูกที่๖ พระอรหันต์ พระอานนท์ ทิศตะวันตก
• พัทธสีมาลูกที่๗ พระอรหันต์ พระควัมปติ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
• พัทธสีมาลูกที่๘ พระอรหันต์ พระโมคคัลลา ทิศเหนือ
• พัทธสีมาลูกที่๙ พระอรหันต์ พระราหุล ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

[ อ่านบทความอื่นๆ: สารบัญ..บทความทั้งหมด ]